Wednesday, December 10, 2014

อ่าน อิฐ โดย นิ้วกลม


นี่ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่เซอร์ไพรซไม่คิดว่าจะได้อ่านที่ห้องสมุดของวัดมาบจันทร์ "อิฐ" โดย นิ้วกลม ที่อยากอ่านมานาน เพราะได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับความแนวของหนังสือเล่มนี้ นี้อาจจะไม่ใช้หนังสือธรรมะซะทีเดียว แต่แน่นอนหนังสือเล่มนี้จะกระตุ้นแรงบรรดาลใจให้คุณทำอะไรได้อีกหลายอย่างแน่ๆ เริ่มตั้งแต่รูปเล่มและหน้าปกที่เลียนแบบ อิฐ ไปจนถึงการออกแบบจัดวางเนื้อหาที่ทำให้อ่านสนุก แอบขำ อมยิ้มได้บ้าง อย่างตอนความเคยชิน ที่น่าจะเป็นต้นแบบของภาษาสก๊อย หรือบางตอนที่ใช้คำผวนหมด อ่านแล้วแปลกพิลึก อาจจะมีเนื้อหาธรรมะไม่ได้เข้มข้นมาก แต่ก็สอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับ ความเชื่อ ความยึดติด ตามหลักกาลามสูตรไว้ด้วย

อ่าน OSHO คุรุวิพากษ์คุรุ แปลโดย โตมร ศุขปรีชา


ไม่น่าเชื่อว่าจะได้อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเชิงวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอย่างตรงไปตรงมาได้ในวัด เล่มนี้ยืมมาจากห้องสมุดของวัดมาบจันทร์ วางซ่อนอยู่ในชั้นล่างๆเลยไม่มีใครสนใจมากนัก แต่เปิดอ่านครั้งแรกถึงกับสะอึกเพราะเขียนถึงศาสดาในศาสนาต่างๆได้อย่างตรงไป ตรงมา ท้าทายกับความเชื่อดั้งเดิม โดยเฉพาะความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซู ถ้าหากชาวคริสต์หัวรุนแรงมาอ่านอาจทำให้เกิดสงครามได้เลยทีเดียว สำหรับบุคคลที่นำมาวิพากษ์เริ่มตั้งแต่นักปราชญ์ยุคกรีกโบราณ จีนโบราณ เรื่อยมาจนกวี และนักจิตวิทยาในปัจจุบัน สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธเจ้านั้น OSHO มีมุมมองเป็นบวก แต่ก็ตั้งแง่เกี่ยวกับชาติกำเนิดของพระองค์ที่เป็นกษัตริย์ เขากำลังสื่อว่า หานักปราชญ์ ศาสดาที่เริ่มจากคนธรรมดาได้ยากจริงๆ คนเหล่านี้ใกล้แหล่งความรู้ บ้างก็เบื่อหน่ายจากความสะดวกสบาย จนมองหาชีวิตธรรมดา

นอกจากสำนวนการเขียนหรือการแปลที่ค่อนข้างเหวิ่นเว้อในบางช่วง การอ่านหนังสือเล่มนี้ต้องเปิดใจกว้างให้มาก เพราะถ้าคุณตั้งข้อโต้แย้งให้กับศาสดา หรือปราชญ์ที่คุณชอบแล้ว คุณจะอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่สนุก เพราะนี้คือหนังสือที่กล้าวิจารณ์บุคคลที่ถูกยกย่องให้เป็นพระเจ้า ที่คนกราบไว้ ในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่ก็ยังยกย่องแนวทางปฏิบัติที่ดีงามของปราชญ์เหล่านั้นในขณะเดียวกัน


อ่าน คู่มือมนุษย์ ของท่านพุทธทาส


นอกจากหนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือแนะนำในคู่มือพระใหม่ของวัดมาบจันทร์แล้ว ในความสนใจส่วนตัวก็ชื่นชมผลงานธรรมล้ำสมัยของท่านพุทธทาสพอสมควร เรายืมหนังสือเล่มนี้มาจากห้องสมุดของวัดโดยมีทั้งแบบสมบูรณ์ เล่มหนาเตอะ และแบบย่อ เล่มเล็กเบาบาง เราเลือกอ่านแบบย่อ แต่ถึงแม้ว่าเป็นแบบย่อก็ยังคงเนื้อหาหนักหน่วงตั้งแต่ต้นเล่ม ตั้งแต่ ท่านชอบศาสนาในเหลี่ยมมุมใน การวิจารณ์ความผิดเพี้ยนของพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน(เมื่อ 50ปีก่อน ปัจจุบัน ปี2557ก็ยังงมงายเหมือนเดิม) อธิบายความหมายของขันธ์5 และอุปาทานต่างๆ และเนื้อหาหลักของหนังสือคือ ลำดับขั้นของการบรรลุธรรม ตั้งแต่โสดาบัน เรื่อยไปจนถึงอรหันต์ โดยส่วนใหญ่ใช้ศัพท์บาลีค่อนข้างมาก จนทำให้เราเข้าใจได้บ้างบางช่วง บางตอน สำหรับการอ่านในครั้งแรก

จนได้มาอ่านครั้งที่สอง เมื่อภาวนาได้ชั่วระยะหนึ่งจนเกิดความรู้สึกดีอย่างประหลาดจนได้อ่านหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง จนพบว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการทำสมาธิ และเราอย่าได้หลงความรู้สึกนี้เป็นอันขาด เพราะนี้เป็นเพียงประตูด่านแรกกว่าเราจะไปถึงนิพพานเราต้องผ่านอุปสรรค์อีกหลายอย่าง นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนความคิดครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ จากที่ไม่เชื่อว่าแค่นั่งเฉยๆ มันจะไปนิพพานได้อย่างไร จนได้ค้นพบด้วยตัวเอง สมกับชื่อหนังสือแล้วแหละที่ว่า "คู่มือมนุษย์" เพราะหนังสือคู่มือส่วนใหญ่ใช้ประกอบการปฏิบัติเสมอ เช่น คู่มือช่างแอร์ คู่มือทำกับข้าว ถ้าหากเราไม่เคยสัมผัสว่าแอร์มันเย็นอย่างไร เราคงซ่อมมันไม่ได้เป็นแน่


อ่าน สัมมาทิฏฐิฯ ของ สมเด็จพระญาณสังวร



หนังสือเล่มนี้พบอยู่ในกล่องพลาสติกที่กุฏิหมายเลข 48 เป็นหนังสือปกแข็ง หนาหลายร้อยหน้า มีหน้าปกว่า"สัมมาทิฎฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ" พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จากความหนาและชื่อหนังสือที่ยาก แต่ถ้าใครมีความสนใจวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา หรือเชื่อในหลักเหตุผล คุณจะไม่เชื่อว่าสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้จนจบ เนื้อหาหลักอธิบายเกี่ยวกับ "ปฏิจจสุมุปบาท" ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้น ตั้งแต่อธิบายส่วนประกอบของจิตว่าเป็นอย่างไร เวทนา สังขาร วิญญาณ คืออะไร ธรรมชาติของกาลเวลา ชาติ ภพ และทุกข์เกิดจากอะไร และทำอย่างไรเราจะดับทุกข์ได้ โดยเนื้อหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตามลักษณะการแสดงธรรมของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งท่านมีความสามารถแสดงธรรมให้เหมาะกับแต่ละบุคคล คือ อธิบายอย่างละเอียดแบบ1 อธิบายโดยพิศดารอีกแบบ1 แต่ทั้งสองส่วนมีบทสรุปเดียวกันคือ ให้ผู้อ่านมี "สัมมาทิฎฐิ"คือความเห็นชอบ ซึ่งเป็น1ในอริยมรรคมีองค์8

ความประทับใจส่วนตัว เมื่ออ่านถึงช่วงที่อธิบายเกี่ยวกับ "ผัสสะ" แล้วพบว่าตรงกับหลักชีววิทยาในปัจจุบันมาก แต่พุทธศาสนาที่มีอายุกว่า 2500 ปีสามารถให้คำตอบได้ ก่อนที่จะสามารถถอดรหัสพันธุกรรมได้เสียอีก ในวิทยาศาสตร์เราคงรู้จักวัฏจักรคาร์บอน วัฏจักรไฮโดรเจน แต่หนังสือเล่มนี้สามารถอธิบายเกี่ยวกับวงจรของจิตได้ เช่น การสะสมบารมีให้เต็มที่เพื่อจะหลุดจากอวิชชา ตัณหา อุปทาน เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว เราจะไม่สงสัยเลยว่าตายแล้วไปไหน รวมทั้งความหมายของ ภพ กับชาติ ที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าต้องตายไปก่อน ถีงจะเกิดชาติหน้า แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะชาติ ภพ คือการเกิดของอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิด ดับ อยู่ตลอดเวลาในชั่วขณะหนึ่ง จนทำให้เราพบว่าการหลุดพ้นจากการเกิด การตายนี้ เป็นสุขอย่างยิ่ง

สำหรับใครที่อยากอ่าน มีผู้ใจบุญให้ download หนังสือเล่มนี้ได้ที่ ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ