Thursday, February 26, 2015

“สุขุมวิท” ถิ่นนี้ ชีวิตต้องป๊อบ ตอนที่ 2: นิราศbtsอ่อนนุช-สยาม

“สุขุมวิท” ถิ่นนี้ ชีวิตต้องป๊อบ 
ตอนที่ 2: นิราศbtsอ่อนนุช-สยาม

ครั้นมาถึง "อ่อนนุช" สุดอนาถ
เพราะเคยคลาด พลาดรัก ถูกผลักไส
คิดถึงเธอ ร้ายนัก หักหทัย
สุดจะหัก ห้ามใจ ให้อกตรม

พอมาถึง "พระโขนง" ตำนานเก่า
นึกแล้วเศร้า อดีตรัก แสนขื่นขม
นึกถึงเรื่อง แม่นาก แล้วระทม
ร้าวระบม มากรัก มิกลับมา

"เอกมัย" เอกหทัย ใจดวงเดียว
จักไม่เที่ยว ข้องเกี่ยว ว่างไว้หนา
เว้นเสียแต่ เพลานี้ มีเธอมา
สถานี นี้หนา เอกหทัย

แล้วก็ถึง "ทองหล่อ" โอ้ละหนอ
จวนแล้วรอ พบรัก สมสมัย
แม้ไร้ทอง รูปไม่หล่อ เหมือนใครใคร
แต่พี่ไซร้ พร้อมหล่อเลี้ยง จากใจจริง
แม้นพงศ์พันธ์ พี่มิได้ พร้อมสูงส่ง
แต่พี่คง พร้อมสละ ได้ทุกสิ่ง
เพื่อนวลน้อง พี่พร้อม ให้แอบอิง
ด้วยชีพยิ่ง พร้อมพลี ถึง "พร้อมพงษ์"

ครั้นมาถึง "อโศก" มิหมดโศก
วิปโยค อนงค์ลับ กลับลุ่มหลง
หลอกให้รัก แล้วจาก กลับงุนงง
เธอคงลง ที่หมาย กลับหายพลัน

ตัวพี่นี้ นั่งคิด ถึง"นานา"
พรรณณา ว่ารักนี้ ช่างน่าขัน
คนที่หมาย ปองรัก กลับลงทัณฑ์
ด้วยการจาก ลากัน มิกลับมา

 ครั้นมีสุข แสนรัก เพลิด"เพลินจิต"
ครั้นชีวิต ติดห่วง สุขสรรหา
ครั้นชีวา ชื่นสุข ไร้ระอา
แต่แล้วหนา ต้องพรากรัก สุขจากไป

ลอยละล่อง "ชิดลม" ชนขอบฟ้า
ใจละล่อง ลอยมา เหตุไฉน
ละอองจิต ชีวิตนี้ คืออะไร
เราเกิดมา ทำไม ใครตอบที

 ถึง"สยาม" ยามนี้ มิเหมือนเคย
ยามนั้นเอ๋ย แอบรัก สุดผ่องศรี
ยามนี้ขอ ได้พัก พอกันที
ขอใจพี่ สุขสงบ อย่างแท้จริง





Wednesday, February 25, 2015

เส้นทางบิณฑ (บาตร) ... ตอนที่ 1



เส้นทางบิณฑ (บาตร) ... ตอนที่ 1
ในทุกๆปักษ์หรือทุกๆ15 วัน จะมีการสลับปรับเปลี่ยนสายบิณฑบาตร แน่นอนว่า เหล่าพระใหม่ได้สะสมชั่วโมงบิณฑ์มามากพอสมควรแล้ว พร้อมที่จะเดินทางไปยังเส้นทางใหม่ๆกันแล้ว เช้าวันนี้เหล่าพระภิกษุโดยเฉพาะภิกษุใหม่ต่างพากันมุงดูตารางจัดสายบิณฑบาตรกันอย่างตื่นเต้น จะว่าไปแล้วการเปลี่ยนสายบิณฑบาตรในแต่ละครั้งเปรียบเสมือนการเดินทางในที่แห่งใหม่ บรรยากาศใหม่ๆ ซึ่งตลอด 1 พรรษาที่ผ่านมา เรามีโอกาสเดินบิณฑบาตรได้เกือบครบทุกสาย ซึ่งแต่ละเส้นทางนั้นให้ความรู้สึก และประสบการณ์แตกต่างกันไป

เส้นทางวิบาก - มาบจันทร์ใน-ใกล้
หินและก้อนกรวดที่ว่าแหลมคมของถนนลาดยางดูจะเป็นของธรรมดาไปเลยสำหรับสายบิณฑบาตรนี้ เริ่มต้นจากวัดมาบจันทร์ เดินไปเรื่อยๆจนถึงแยกหน้าวัด จากนั้นเลี้ยวขวา เดินต่อไปซักพักจะพบซอยเล็กๆเป็นถนนลูกรัง และนี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางวิบากด่านแรก แวะบ้านโยมหลังที่1 จากนั้นลัดเลาะไปตามดงหญ้า ตะลุยไปกลางสวน นอกจากจะพบกับความแหลมคมของใบหญ้า หรือหนามของต้นไมยราบแล้ว แต่อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคือสัตว์ตัวเล็กๆ ทั้งมด แมงมุม แมงป่อง ไส้เดือน รวมไปถึงสุนัข โดยเฉพาะตัวที่อยู่บ้านกลางสวนด้วยแล้ว ทั้งเห่า ทั้งขู่ วิ่งไล่สารพัด เราเป็นพระก็ได้แต่สำรวม ทำได้มาสุดก็แค่หาไม้มาขู่ แล้วเดินต่อไปให้พ้นอาณาเขตของมัน และนี่คือครึ่งทางแรกของเรา หลุดจากสวนผลไม้เปลี่ยนมาเป็นทางลูกรัง แต่ทางนี้จะหลักไปทางทรายมากกว่า เวลาเดินจึงรู้สึกนุ่มนิ่มสบายเท้า คล้ายกับเดินบนชายหาด แต่ในทรายอันละเอียดนั้นก็แฝงไปด้วยอันตรายจาก มดคันไฟ ตัวจิ๋ว โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตกที่ถนนทรายอันแสนนุ่มสบาย จะแปรเปลี่ยนเป็นถนนโคลนแสนลำบาก จะมีแต่เนินหิน เนินทรายบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรังมดคันไฟ โอ้ไม่นะ อย่าได้พลาดเชียว สุดจากถนนทรายที่ชายป่าสวนยาง ขึ้นมาบนถนนลาดยางที่เท้าคุ้นชิน เดินไปจนสุดทางตัดกับถนนใหญ่เป็นสามแยก พบบ้านโยมเป็นห้องแถว จากนั้นเป็นขากลับแวะบ้านโยมอีกหลัง ที่มีหมาพิการตัวหนึ่ง โยมคนนี้จะทำอาหารเองทุกเช้า โดยจะทำ   ณ ขณะนั้น เพื่อให้อาหารที่จะถวายนั้นสดใหม่เสมอ เรากลับเส้นทางเดิม แวะบ้านโยมเป็นระยะอีกประมาณ 2-3 หลัง กลับมายังจุดเริ่มต้น คือวัดมาบจันทร์ รอเวลาพิจารณาอาหารต่อไป

เส้นทางไกล - เขาตะแครง
จัดว่าเป็นเส้นทางที่ทั้งวิบากและไกลที่สุด เพราะสามารถลัดไปได้โดยใช้เส้นทางมาบจันทร์ใน-ใกล้ ตามที่เคยเขียนไว้ และถือว่าเป็นทางเดินเท้าที่ไกลที่สุดคือเมื่อพบสามแยกแล้ว เลี้ยวซ้ายเดินต่อไปอีกสักระยะ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กๆเดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านป่ายาง บึงน้ำ พร้อมกับเส้นทางที่เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ จนพบบ้านโยมหลังแรก แล้ววกกลับ โดยรวมมีบ้านที่ใส่บาตรประมาณ 4-5 หลัง

เส้นทางวัดใจ บ้านเพ
          การบิณฑบาตรสายนี้จะว่าสบายก็ไม่ใช่ ลำบากก็ไม่เชิง ที่ว่าสบายเพราะว่ามีโอกาสได้นั่งรถตู้ไปเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอก เช่น ตลาดบ้านเพ ที่ว่าลำบากก็คือจำเป็นต้องมีทักษะในการบิณฑบาตรสูง หรือจะเรียกว่ามีชั่วโมงบิณฑ์สูงแล้ว เพราะเป็นเขตชุมชนมีญาติโยมมารอใส่บาตรเยอะ จำเป็นต้องเดินโปรดโยมอย่างรวดเร็วเพื่อทำเวลาให้ทันก่อนที่รถตู้จะวนมารับ ด้วยเหตุนี้เองพระที่จะมาบิณฑบาตรสายนี้ได้จะต้องมีทักษะในรับบาตรพอสมควรเพื่อให้ทันใจ และไม่ทำอะไรขายหน้า เช่น ฝาบาตรหล่น บาตรหลุดมือ ต่อหน้าญาติโยม อีกทั้งยังมีสิ่งเร้ามากมายไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอาหารยั่วยวน ภาพหวือหวาในหนังสือพิมพ์ รายการข่าวในโทรทัศน์ หรือแม้กระทั้งโยมที่แต่งตัวสบายๆในชุดนอน สิ่งเหล่านี้ยั่วยุกิเลสได้ง่าย ถ้าจิตไม่แข็งจริงอาจทำให้เกิดความคิดเตลิดเปิดโปง ทั้งพาลทำให้อดคิดถึงบ้านเอาได้ง่ายๆ แต่แล้ววันหนึ่งเราก็มีโอกาสบิณฑบาตรสายนี้เป็นครั้งแรก!
          เริ่มต้นที่วัดมาบจันทร์ บิณฑบาตรสายนี้จะไปช้ากว่าสายอื่นสักหน่อยเพราะต้องรอคนขับรถ และพระให้พร้อมและครบก่อน โดยในแต่ละวันจะต้องมีพระอย่างน้อย 6-7 รูป ซึ่งหากไม่พอก็มีบ่อยครั้งที่โยมคนขับรถ(ทิดอี)จำเป็นต้องนิมนต์พระรายทางจากสายอื่นมาร่วมบิณฑบาตรในตลาดบ้านเพ จนจอดแวะรับบาตรบ้านโยมหลังแรกหน้าปากทางเข้าบ้านเพ จากนั้นรถตู้จะจอดให้ลงตรงที่เยื้องกับร้านขายหนังสือพิมพ์ในตลาด  พระท่านจะลงมาทั้งหมดพร้อมทั้งแบ่งสายบิณฑบาตรย่อยอีกเป็น 3 สาย โดยในแต่ละสายจะมีพระ 2-3 รูป แบ่งได้คือ ซ้ายใกล้ – เริ่มจากจุดจอดรถ เดินไปทางซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาที่แยกใหญ่ ตรงนั้นจะเป็นร้านขายของฝากนักท่องเที่ยว สิ้นสุดประมาณร้านของฝากที่อยู่ตรงข้าม 7-11 รอรถตู้มารับก่อนเป็นอันดับแรก // สายกลาง – จากจุดจอดรถเดินไปทางขวา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยร้านขายหนังสือพิมพ์ เดิมตรงไปในซอยนี้จนสุด แล้วเลี้ยวขวา เดินไปอีกสักระยะหนึ่ง จึงสุดสายบริเวณร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ // สายขวาไกล – จากจุดจอดรถเดินไปทางขวาเรื่อยๆ ผ่านตลาดสดและร้านขายปลาหมึกที่มีน้ำคาวปลาเจิ่งนองเต็มพื้น หยุดรอโยมใส่บาตรข้างตลาดสดสักครู่ เสร็จแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงสามแยกใหญ่แล้วเลี้ยวซ้าย แวะรับบาตรหน้าถ่ายรูป จากนั้นตรงไปถึงหัวโค้งแล้ววกกลับ รับบาตรโยม เดินต่อจนถึงสามแยกเดิมแล้วเลี้ยวซ้าย สิ้นสุดที่ร้านทอง รอรถตู้มารับตรงร้านขายประดับยนต์
                  เนื่องจากเป็นเขตชุมชนพลุกพล่าน ญาติโยมที่มาใส่บาตรก็มีทั้งสองฝากถนน อุปสรรค์อีกอย่างหนึ่งคือการเดินข้ามถนนมา ในเขตที่มีรถราวิ่งกันขวักไขว่ นอกจากจะต้องสำรวมท่าทีในการรับบาตรแล้ว ยังต้องมีสติในทุกย่างก้าว เพราะไม่รู้ว่าจะมีรถมาเฉี่ยวตอนไหน ส่วนของที่โยมใส่นั้นส่วนใหญ่ก็เป็นของที่โยมขายในตลาด บ้างก็จัดมาเป็นชุดมีข้าวถุง แกงถุง ขนมห่อ และน้ำแก้วพลาสติกจัดรวมกันมาในถุงพลาสติก พระที่บิณฑบาตรสายนี้ส่วนใหญ่จะเปิดฝาบาตรให้โยมใส่เฉพาะข้าว และหงายฝาบาตรขึ้นเพื่อรับของทั้งถุง แล้วเปลี่ยนมาใช้มือหิ้ว  บ้างก็แบ่งกันให้พระรูปข้างหลังช่วยถือ ภาพที่เห็นคือมือหนึ่งถือบาตร อีกมือหนึ่งหิ้วถุงพะรุงพะรัง และถ้าวันไหนฝนตกต้องกางร่มด้วยแล้วจะยิ่งเพิ่มความทะลักทะเลไปอีก จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราไม่สามารถเปิดบาตรได้ทันญาติโยมเพราะยังเก้ๆกังๆกับการถือร่ม ไม่รู้ว่าจะเอามือไหนมาเปิดฝาบาตร จึงจำเป็นต้องช่วยถือถุงแทน แต่ยังดีที่ทุกวันยังมีโยมที่ใจดีปวาณาตัวช่วยถ่ายบาตรเป็นระยะๆ โดยรถตู้ของวัดจะมาตามเก็บอีกทีหนึ่ง
                  จากนั้นเมื่อพระได้ขึ้นรถตู้ครบแล้ว จึงเดินทางกลับ ระหว่างทางจะแวะรับบาตรที่ร้านอาหารปากทางเข้าบ้านเพ และจอดปากทางเข้าวัดมาบจันทร์หน้าบ้านโยมซ่วน โยมคนแรกที่ถวายที่ดินให้กับวัดมาบจันทร์ เสร็จแล้วกลับวัดโดยไม่แวะรับบาตรหน้าวัด ส่วนใหญ่กลับมาถึงวัดเป็นสายสุดท้าย แต่เป็นสายที่มีของเยอะที่สุด และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระอาจารย์อนันต์ขอให้แบ่งกองของที่ได้เป็น 2 กอง กองหนึ่งเป็นของที่ได้จากการบิณฑบาตรยกเว้นสายบ้านเพ อีกกองหนึ่งเป็นกองของบ้านเพและของโยมที่มาถวายที่วัด เพื่อให้พระ เณร ได้ระลึกถึงวันแรกๆของการก่อตั้งวัดว่าปริมาณอาหารนั้นมีมากน้อยเพียงใด เพราะในระยะแรกวัดนั้นยังไม่มีรถรับพระ เณร ไปบิณฑบาตรในตลาด เมื่อในปัจจุบันวัดเราก็พัฒนาไปมาก มีรถพาไปตลาด ถนนหนทางดีมีญาติ โยมมาถวายของเยอะกว่าเมื่อก่อน อันนี้เราต้องเก็บเอาไปพิจารณาให้รู้จักการพอประมาณในการบริโภค หรือฉันตามมีตามได้ หรือถ้าอยากลองลดกิเลสลองซักวันนึงไม่พิจารณาอาหารพิเศษที่ญาติโยมมาถวาย หรือถ้าอันไหนเราไม่ชอบก็ตักมันเยอะๆ อันไหนเราไม่ชอบให้ตักมันน้อยๆ ท่านพยายามทำให้เห็นว่า แม้แต่การฉันก็เป็นการภาวนา ทำให้เกิดปัญญาได้



ตอนต่อไปพบกับ........
เส้นทางอุ่นใจ – บ้านป่าสัก
เส้นทางแห่งการรอคอย – บ้านผู้ใหญ่อ้อย และโยมจินดา
เส้นทางประจำ – มาบจันทร์ไกลฝั่งขวา และซ้าย
และเส้นทางแห่งแรงศรัทธา –กับคณะสงฆ์วัดผาตากเสื้อ ณ หมู่บ้านอ.สังคม จ.หนองคาย