“สีลม – สาทร” ชีวิตบนโลกคู่ขนาน
ตอนที่
2:
สุสานสมาคมจีนแต้จิ๋ว
ต่อจากตอนที่แล้ว
เราเดินข้ามฝั่งไปซอย สาทร11 ต่อรถสองแถวไปแถวถนนจันทร์
คราวนี้เราเดินทางอย่างไม่มีจุดหมายไปเรื่อยๆ จนพบซุ้มประตูแบบจีนขนาดใหญ่
พร้อมป้ายขนาดใหญ่ว่า “สมาคมจีนแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย”
แต่เราไม่สนใจที่จะเข้าไป กลับเลือกเดินโอ้มรั้วกำแพงที่แสนยาวไปอีกทาง
เราเดินเท้าไปเรื่อยๆผ่านตึกแถวซึ่งผู้อาศัยส่วนใหญ่หากดูจากภายนอกจะคล้ายชาวอินเดีย
บรรยากาศโดยรอบนอกจากกำแพงสูงของสมาคมจีนแต้จิ๋วแล้ว เราก็มองเห็นตึกหรูระฟ้าอยู่ไกลๆ
แต่ที่เราเห็นไม่ชินตานักคือเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ
และหลังคาวัดที่ซ้อนลดหลั่นเป็นชั้นๆ ดูเหมือนไม่ใช้วัดพุทธไทยโดยทั่วไป
ยิ่งทำให้เราสนใจว่าปลายทางข้างหน้าคืออะไรกันแน่
และเราก็เดินต่อไปผ่านทางแคบๆที่รถยนต์ยังอุตสาห์เข้ามาได้ เรารอให้รถออกมาก่อนถึงเดินเข้าไปได้
และปลายทางนั้นทำให้เราพบคำตอบ
โดยแยกซ้ายมือนั้นเราพบอาคารหินอ่อนทั้งหลังพร้อมป้ายชื่อ “วัดวิษณุ” เป็นวัดของศาสนาพรามหมณ์-ฮินดู ศูนย์รวมของชาวไทย เชื้อสายอินเดีย
ในขณะที่แยกขวามือเราพบป้ายชื่อ “วัดปรกยานนาวา” พร้อมกับป้ายข้อมูลจึงทำให้รู้ว่า นี่เป็นวัดของชาวมอญ
และยอดเจดีย์ที่เราเห็นก็เป็นของวัดนี้นี่เอง
เราตัดสินใจเดินทางต่อไป
เดินข้ามคลองที่ขนาบข้างไปด้วยหลุมฝั่งศพ บนป้ายนั้นเขียนเป็นภาษาจีน
เราเดินผ่านไปสักระยะหนึ่ง แต่เหมือนไม่รู้มีอะไรดลใจ เราเดินทางกลับไป
พร้อมเดินผ่านเข้าไปในประตูที่ชื่อว่า “สุสาน สมาคมจีนแต้จิ๋ว” ซึ่งอยู่ข้างๆกับวัดปรกนั่นเอง
เราตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เข้ามาที่นี่
สองข้างทางขนาบด้วยต้นไทรที่เต็มไปด้วยรากอากาศ
ด้านหนึ่งเป็นหลุมศพเรียงรายที่ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกคลื้ม ดูเหมือนบรรยากาศชวนสยอง
แต่อีกด้านหนึ่งเป็นเนินหญ้าขนาดใหญ่สีเขียวที่ถูกดูแลตัดแต่งเป็นอย่างดี
เบื้องหน้ามีอุปกรณ์ออกกำลังกาย ป้ายบอกว่านี่คือชมรมวิ่ง ชมรมฟิตเนส ชมรมหมากรุก
ลานบาสเก็ตบอล สนามเด็กเล่น ห้องน้ำ อาคารอเนกประสงค์
และที่เด่นที่สุดคงเป็นเจดีย์จีนกลางน้ำ ทั้งหมดนี้รายล้อมด้วยหลุมฝั่งศพ
และมีฉากหลังเป็นตึกสูงระฟ้าแถบพื้นที่สีลม เห็นดูขัดแย้งกัน
แต่สวยงามอย่างบอกไม่ถูก
สุสานจีนแต้จิ๋วนี้
ดูมีชีวิตชีวา แตกต่างกับที่ สีลมซอย9 อย่างสิ้นเชิง มีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย
บ้างก็เล่นเครื่องเล่นฟิตเนสเหล็กซึ่งประดิษฐ์เอง บ้างก็เล่นห่วงฮูลาฮูป
อีกทั้งเด็กๆที่ตั้งใจฝึกซ้อมเทควันโด
ในขณะที่ก็ยังคงมีคนแวะเวียนเข้ามาติดต่อคุณลุงสัปเหร่อที่สำนักงานสุสานอย่างไม่ขาดสาย (ทราบมาภายหลังว่าปัจจุบันไม่รับศพใหม่แล้ว
มีแต่ติดต่อย้ายออก)
และเราก็เดินจากที่นี่ไปด้วยความประทับใจ
กับวิวที่แปลกตา และวิธีการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นที่สาธารณะอย่างสร้างสรรค์
โดยเราทราบข้อมูลภายหลังว่าเนินหญ้าสีเขียวสวยๆนั้น คือ หลุมศพของผู้ไร้ญาติที่มาฝั่งอยู่รวมกัน
!!!
(ภาพในกล้องหายโดยไม่ทราบสาเหตุ)
(จริงๆไม่ได้ถ่ายไว้ พอดีแบตมันหมด)
โปรดติดตามตอนต่อไป
// ตอนที่ 3: สุสานร้างวัดดอน และบทสรุป
No comments:
Post a Comment