ชั่วโมงบิณฑ(บาตร) : บิณฑบาต ครั้งแรก!
เป็นภาพที่ชินตาสำหรับชาวพุทธในทุกเช้า แต่สำหรับเช้านี้มันไม่ชินเลยสำหรับการเดินบิณฑบาตรครั้งแรก! สำหรับพระใหม่อย่างเรา คำถามว่าจะออกบิณฑบาตรได้เมื่อไหร่เป็นคำถามยอดนิยม คำตอบที่ได้จากครูบาอาจารย์คือเป็นช่วงรอยต่อระหว่างกลางคืนกับรุ่งเช้า มีวิธีสังเกตคือสามารถมองเห็นลอยมือของตนเองได้ในที่แจ้ง หรือมองเห็นความแตกต่างของสีเขียวของใบไม้ หรือมองเห็นแสงสีส้มทองบนฟ้า ในใจคิดว่าแล้วสรุปมันกี่โมงกันเล่า? ทำไมไม่ดูนาฬิกา? สงสัยไว้ในใจ
เท้าที่เปลือยเปล่าเหยียบย่ำพื้นถนนอันขรุขระ ที่เต็มไปด้วยหินกรวดเล็กใหญ่ สายตาทอดยาวไปข้างหน้า หนทางมันช่างยาวไกลเหลือเกิน เราเดินไปช้าๆอย่างระมัดระวังเพราะกลัวหินตำเท้า แต่แล้วก็ดูจะช้าเกินไป จนแถวทิ้งห่างเป็นกิโล จะเร่งก็กลัวหินบาด ซ้ำยังพะวงกลัวจีวรจะหลุดอีก โดยปกติแล้วที่วัดมาบจันทร์จะจัดสายบิณฑบาตรเป็นสาย ใกล้บ้าง ไกลบ้างสลับกันไป บ้างไปในตลาดซึ่งต้องน้องรถตู้ไป บ้างไปในหมู่บ้าน บ้างก็ไปบ้านโยมเพียงคนเดียว และแน่นอนพระใหม่อย่างเราถูกจัดให้เดินในสายบิณฑบาตรที่ใกล้ที่สุด พบปะผู้คนน้อยที่สุด และแล้วก็มาถึงหน้าบ้านโยม
เนื่องจากเราบวชช่วงเข้าพรรษา จึงทำให้มีพระใหม่จำนวนมาก จึงทำให้มีภิกษุหลายสิบรูปมายืนรอรับศรัทธาหน้าบ้านโยมกันมากสักหน่อย แต่โยมดูมีสีหน้ายินดีจัดสรรปันส่วนข้าวสวยบ้าง ไข่ต้มบ้าง ขนมบ้างใส่บาตรพระได้ครบทุกรูป เราเองนั้นเปิดรับบาตรตะกุกตะกัก เปิดฝาบาตรผิดๆถูกๆกลัวบาตรจะตกลงพื้นใส่หน้าโยมเสียจริง สุดท้ายปิดฝาบาตรรอโยมไหว้ทำความเคารพ จากนั้นเดินทางกลับวัดโดยไม่ให้พรใดๆตามธรรมเนียมปฏิบัติวัดหนองป่าพง เพราะสิ่งที่โยมทำนั้นมันเป็นพรในตัวอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ในบทสวดให้พร เพราะทำบุญ ทำทานที่แท้จริงคือการรู้จักเสียสละ หรือละซึ่งความเห็นแก่ตัว ละซึ่งความตระหนี่
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก น้อยครั้งในช่วงชีวิตฆราวาสที่จะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้า ไอเย็นจากน้ำค้างบนยอดหญัา เคล้าไออุ่นผ่านเงาไม้ กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ ที่พัดพามากับสายลม กับก้อนเมฆที่พลิ้วไหวบนท้องฟ้าสีส้ม ภาพระหว่างทางการบิณฑบาตรครั้งแรกนี้มันช่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติ หรือว่าความงดงามจากใจที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธา และนี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เราต้องจดจำ
เขมปญโญ
No comments:
Post a Comment